พระเครื่อง เครื่องราง ของขลัง มีพุทธคุณ หรือไม่
เรื่อง พระเครื่องมีพุทธคุณหรือไม่ ที่เคยเป็นกระแสสังคมอยู่ช่วงหนึ่งในวงการพระเครื่อง เพราะได้มีผู้สอนธรรม ท่านหนึ่งออกมาวิจารณ์แสดงความรู้ด้วย อกุศลกรรมบถ 10 ( ทางแห่งกรรมชั่วหรือทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล คือกรรมชั่วอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ) ด้วย มุสาวาท คือ การพูดเท็จ ปิสุณาวาจา คือ การพูดจาส่อเสียด ผรุสวาจา คือ การพูดคำหยาบ สัมผัปปลาปะ คือ การพูดเพ้อเจ้อ นินทา
ทั้งๆ ที่เรื่องอกุศลกรรมบถ 10 เป็นเรื่องที่ผู้สอนธรรมท่านนั้นชอบนำมาอ้างอิงอยู่เสมอในการสอนธรรมะผ่านสื่อโซเชียล แต่กลับใช้ วจีกรรม 4 ที่อยู่ในอกุศลกรรมบถ 10 มาเป็นแนวทางในการสอนธรรมะ และปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับผู้ที่ตั้งคำถามเข้ามา เพราะการใช้วจีกรรม 4 จนติดเป็นนิสัยจึงทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมในปัจจุบันนี้ เพราะเป็นวิสัยโดยปกติของผู้สอนธรรมผู้นั้น
มุสาวาท คือ การพูดเท็จ สำหรับเรื่องการพูดเท็จนั้นเวลาเท่านั้นจึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สิ่งที่ได้เคยพูดออกมาได้ปฏิบัติตามคำพูดนั้นหรือไม่ ซึ่งในตอนนี้หลายๆท่านคงจะมองเห็นภาพแล้วว่า สิ่งที่ผู้สอนธรรมท่านนั้นได้เคยพูดสิ่งใดไว้ กลับไม่เคยทำตามที่ตนเองได้เคยพร่ำสอนผู้อื่น และไม่เคยยอมรับในสิ่งที่ตนเองได้เคยพูดผ่านสื่อโซเชียลไว้แม้แต่นิดเดียว โดยจะต้องให้ผู้คนออกไปหาหลักฐานมายืนยันทั้งๆ ที่คำพูดทุกคำได้ออกจากการเปล่งวาจาของตนเองทั้งนั้น
ปิสุณาวาจา คือ การพูดจาส่อเสียด ชอบเปรียบเทียบและนำสิ่งต่างๆ มาพูดด้วยความสะใจ เพื่อด้อยค่าความเชื่อต่างๆ จนเป็นปัญหาที่สร้างความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคมในปัจจุบันนี้
ผรุสวาจา คือ การพูดคำหยาบ โดยใช้วาจาที่ไม่สุภาพออกมาสร้าง Content เพื่อให้เกิดคนติดตาม เกิดยอดไลค์เกิดยอดแชร์ โดยไม่สนใจว่าเยาวชนที่ได้เห็นเนื้อหาต่างๆ บนสื่อโซเชียล แล้วจะเกิดรูปแบบสังคมแห่งการด่าทอตามมา ซึ่งในขณะนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
และการกล่าวอ้างว่า หลวงพ่อคูณปริสุทโธ ท่านก็ พูดกู พูดมึง เช่นกัน เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำหลวงพ่อคูณมาเปรียบเทียบกับตนที่ไม่สามารถรักษาศีลได้ หลวงพ่อคูณท่านพูดด้วยความเมตตา ท่านเรียกลูกศิษย์ลูกหาในลักษณะผู้เฒ่าสอนลูกหลานด้วยภาษาโบราณตามที่ท่านถนัด แต่ผู้สอนธรรมผู้นั้น ใช้การพูดกู พูดมึง เพื่อเหยียดและด้อยค่าผู้ที่มีปัญหาเข้ามาปรึกษา และใช้การตอบกลับด้วย โมหะ โทสะ และอารมณ์ส่วนตัว จึงไม่ควรนำหลวงพ่อคูณ ที่เป็นที่เคารพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ มาเปรียบเทียบกับตนเด็ดขาด
สัมผัปปลาปะ การพูดเพ้อเจ้อ นินทา โดยการนำผู้ที่เคยวิจารณ์ตนว่าสอนธรรมะไม่ถูกต้อง หรือผู้ที่เป็นห่วงว่าการใช้คำหยาบวาจาที่ไม่สุภาพมาสอนธรรมะ จะก่อให้เกิดสังคมแห่งการด่าทอ จึงได้มีผู้ใหญ่ออกมาตักเตือน แต่กลับไม่ระลึกถึงสิ่งที่สังคมออกมาเตือน แต่กลับนำสิ่งเหล่านั้นมาวิจารณ์ ด้วย โทสะ โมหะ และอารมณ์ส่วนตน ยกตนข่มท่านโดยปราศจากหลักธรรมของพระพุทธองค์แม้แต่นิดเดียว จึงกลายเป็นการมุ่งจะพูดเรื่องอันหาสารประโยชน์มิได้
จึงทำให้การวิจารณ์เรื่องพระเครื่อง มีพุทธคุณจริงหรือไม่ กลายเป็นข้อพิพาทแตกแยกกันอยู่ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นขัดแย้ง ก็จะถูกมองว่าเป็นผู้ที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นก็จะมีผู้ที่มีความศรัทธาใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์และ เกจิครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่ตนนับถือ จึงรู้สึกไม่พอใจในคำวิจารณ์ของผู้สอนธรรมผู้นั้น
สำหรับในเรื่องนี้มีทั้งผลดี และผลเสีย ที่ตามมา ผลดีก็คือการที่สังคมไทยที่กำลังถูกหล่อหลอม ด้วยความงมงาย ด้วยการใช้ พระเครื่อง เครื่องราง ของขลัง มาสร้างผลประโยชน์ในเชิงพุทธพาณิชย์ให้กับนายทุน ได้ตาสว่างมองเห็นหลักสัจจะความเป็นจริง
แต่ผลเสียก็คือ วัดที่จะต้องบูรณะสิ่งก่อสร้างภายในวัด ที่จะต้องนำปัจจัยมาใช้ในการดูแล และบูรณะสิ่งก่อสร้างภายในวัด ที่จำเป็นจะต้องสร้างเหรียญหรือสร้างพระเครื่องออกมาให้ลูกศิษย์ได้บูชาเป็นที่ระลึก พลอยได้รับผลกระทบในส่วนนี้ไปด้วย
แต่ผลที่เสียที่สุดก็คือ การที่สังคมเกิดความแตกแยกจากการใช้หลักธรรมของพระพุทธองค์มาสร้าง Content ด้วยการด่าเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้สอนธรรมท่านนั้น จนทำให้เกิดสังคมแห่งการด่าทอ ที่ไม่สนใจว่าจะกระทบต่อเรื่อง วัฒนธรรมและประเพณี
สำหรับเรื่อง พระเครื่องมีพุทธคุณจริงหรือไม่ ในเรื่องนี้เราจะต้องแยกให้ออกระหว่าง พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ ที่เราใช้ในการระลึกถึง
คุณของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ได้ตรัสรู้ในหลักของธรรมชาติ จนค้นพบหนทางแห่งการพ้นทุกข์ หลุดพ้นจากวัฏสงสาร
คุณของพระธรรมะเจ้า คือ หลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ที่ใช้เป็นแนวทางในการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล
คุณของพระสังฆเจ้า คือ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์
ถ้าถามว่า สิ่งใดบ้างที่มีพุทธคุณ สิ่งใดที่เราสามารถละจากการยึดติด ยึดครอง ยึดมั่นถือมั่น ระลึกถึงการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ยึดติดให้เกิดความทุกข์ เข้าใจในธรรมชาติที่เป็นไป สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมีพุทธคุณทั้งหมด
ส่วนพระเครื่อง ในสมัยโบราณจะมีเพียงแค่เรื่องของเครื่องรางของขลังเท่านั้น ซึ่งในเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็จะมีสรรพคุณที่แตกต่างกันไปเช่น ของขลังสิ่งนี้จะมีสรรพคุณมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพัน ของขลังสิ่งนี้จะมีสรรพคุณ เมตตามหานิยม แต่เมื่อมีการสร้างพระเครื่องที่มีลักษณะเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าขึ้นมาในสมัยโบราณ การที่จะเรียกพระเครื่องว่ามีสรรพคุณอะไรบ้าง จึงเป็นการดูไม่เหมาะสม จึงได้ใช้คำว่า พุทธคุณ แทนคำว่า สรรพคุณ จนใช้กันแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งถ้าหากท่านมีสมเด็จวัดระฆังอยู่ในครอบครอง แล้วระลึกอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งอาจจะทำหาย หรือหล่นแตก แล้วไม่เกิดความทุกข์ใจ สามารถปล่อยวางได้โดยเข้าใจหลักธรรมว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนอนิจจัง พระสมเด็จวัดระฆังองค์นั้นจึงจะมีพุทธคุณ ที่เกิดจากคุณของพระพุทธเจ้า
ส่วนพลังจิตต่างๆ ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้สมโภชน์อธิษฐานจิตลงไปใน พระเครื่อง หรือเครื่องราง ของขลังต่างๆ เมื่อพระผู้ทรงศีลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาอารักษ์ พญานาค วิญญาณทั้งหลาย ที่จะมาร่วมสมโภชน์ ในการอธิษฐานจิตระลึกถึง คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในพระองค์นั้นๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้สมโภชน์ไว้ แล้วจะคอยปกปักรักษาผู้ที่ได้ครอบครองพระเครื่ององค์นั้นๆ
ซึ่งเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะคอยปกป้องรักษาผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ หรือช่วยให้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง หรืออาจจะนำพาให้ไปอยู่ในสถานที่ๆ ส่งเสริมดวงชะตา เพราะผู้ที่ห้อยพระเครื่องแล้วอยู่ในศีลในธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบตัวก็จะได้รับผลบุญในการช่วยเหลือผู้ที่ได้ครอบครองพระเครื่ององค์นั้นๆ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
แต่ถ้าผู้ที่ได้ครอบครองพระเครื่ององค์นั้นๆ ไม่อยู่ในศีลในธรรม กระทำแต่กรรมชั่ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็จะไม่อยู่คุ้มครองผู้ที่ได้ครอบครองพระเครื่ององค์นั้นๆ
พระเครื่องจะมีพุทธคุณหรือไม่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับ การที่ท่านได้ห้อยพระเครื่อง ในใจของท่านระลึกถึง หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วนำไปปฏิบัติจนเกิด มรรคผล มีดวงตาเห็นธรรม หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล เดินเข้าสู่หนทางแห่งนิพพาน แล้วหรือยัง ครับ

