ต้นกำเนิดศาสตร์ ฮวงจุ้ยปัญญาธาตุ
Ep.3 ทำไมบ้านหันไป ทิศเดียวกัน แต่องศาแตกต่างกัน จึงส่งผลดี และร้าย ไม่เหมือนกัน
การที่ศาสตร์ฮวงจุ้ยปัญจธาตุ ใช้องศาการไหลของอากาศ เข้าสู่ภายในตัวอาคารในองศาที่แตกต่างกันเป็นตัวกำหนดว่า องศาไหนส่งผลที่ดี และองศาไหนส่งผลร้าย เพราะอากาศภายนอกตัวอาคาร ที่มีประจุไฟฟ้า และความชื้นสัมพัทธ์ เมื่อเกิดการไหลเข้าสู่ภายในตัวบ้าน ประจุไฟฟ้าในอากาศจะทำมุมกับแกนองศาแม่เหล็กโลกแล้วเกิดปฏิกิริยาในองศาที่แตกต่างกัน
ปฏิกิริยาที่เกิดจากการไหลข้อของประจุไฟฟ้าในองศาที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อ การเกิด ประจุบวก หรือประจุลบ ไหลเข้าไปภายในตัวบ้าน หรือที่ผมเรียกว่ากล่องประจุพลังงาน ผ่านประตูและหน้าต่างทุกๆ บาน แล้วส่งผลที่แตกต่างกันภายในบ้าน และในห้องนอนแต่ละห้อง
ดังนั้นองศาการไหลเข้าของอากาศหรือพลังงาน ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละองศา จึงส่งผลต่อพลังงานฮวงจุ้ยภายในบ้านของท่าน ตามที่ผมได้นำเสนอมาตลอด เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ผมจึงได้ค้นคว้าข้อมูลโดยการตั้งคำถามใน Chat GPT ที่มี data ข้อมูลต่างๆ ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบด้วยหลักเหตุและผลในเชิงวิทยาศาสตร์ ผมจึงได้ตั้งคำถามในเรื่องที่ผมสงสัยดังต่อไปนี้
คำถามที่ 1 ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อประจุไฟฟ้าในอากาศไหลเข้าตัวบ้านทำมุมกับแม่เหล็กโลกในองศาที่แตกต่างกัน ?
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อประจุไฟฟ้าในอากาศไหลเข้าตัวบ้านและทำมุมกับสนามแม่เหล็กโลกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมของการไหลของประจุและความแรงของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งอาจส่งผลในหลายด้าน เช่น
1. การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Induction)
เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กโลก จะเกิดแรงกระทำที่เรียกว่า แรงลอเรนซ์ (Lorentz Force) ทำให้ประจุเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่
หากกระแสไฟฟ้าที่ไหลมีความแรงมาก เช่น ฟ้าผ่า อาจทำให้เกิดกระแสเหนี่ยวนำในสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน
2. การเกิดสนามไฟฟ้าและแม่เหล็กในตัวบ้าน
หากมีการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าที่ทำมุมแตกต่างกัน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กภายในบ้าน ซึ่งอาจมีผลต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์
ในบางกรณี อาจทำให้เกิดกระแสไหลวน (Eddy Current) ในโครงสร้างโลหะของบ้าน
3. ผลกระทบต่อระบบป้องกันไฟฟ้าเกิน
ถ้ากระแสที่ไหลเข้ามีขนาดใหญ่ อาจทำให้ระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protection) ทำงาน
หากไม่มีระบบป้องกัน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจเสียหายได้
4. การเปลี่ยนแปลงทิศทางของกระแสไฟฟ้า
มุมที่ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่เข้าบ้านสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กโลกอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าในทิศทางที่คาดไม่ถึง
คำถามที่ 2 เมื่อประจุไฟฟ้าไหลเข้าตัวบ้านในองศาแม่เหล็กโลกที่แตกต่างกัน มีผลต่อการเกิดประจุบวกและประจุบวกลบหรือไม่ ?
เมื่อประจุไฟฟ้าไหลเข้าตัวบ้านในองศาที่แตกต่างกันกับสนามแม่เหล็กโลก จะส่งผลต่อพฤติกรรมของประจุไฟฟ้าและอาจมีผลต่อการเกิดประจุบวกและประจุลบในบางกรณี โดยเฉพาะในบริบทของ การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Induction) และ การสะสมของประจุไฟฟ้า บนพื้นผิวของวัตถุภายในบ้าน
1. การแยกประจุเนื่องจากสนามแม่เหล็กโลก
เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กโลก จะได้รับอิทธิพลจาก แรงลอเรนซ์ (Lorentz Force) ซึ่งทำให้ประจุที่มีขั้วตรงข้ามเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ต่างกัน
ผลที่เกิดขึ้นคือ อาจมีการสะสมของ ประจุบวกและประจุลบในตำแหน่งที่แตกต่างกัน บนโครงสร้างบ้านหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
2. การเหนี่ยวนำประจุบนพื้นผิวของวัตถุภายในบ้าน
หากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้ามาทำมุมกับสนามแม่เหล็กโลก อาจทำให้เกิด กระแสไหลวน (Eddy Current) ในวัสดุที่เป็นตัวนำ เช่น โครงเหล็กหรือสายไฟ
กระแสไหลวนเหล่านี้อาจทำให้เกิดความต่างศักย์ระหว่างส่วนต่างๆ ของบ้าน ซึ่งนำไปสู่การแยกตัวของประจุ
3. ผลต่อระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การเกิดประจุสะสมหรือความต่างศักย์ที่ไม่สมดุล อาจมีผลต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนหรือความเสียหายในอุปกรณ์ที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต
หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี อาจนำไปสู่ปัญหาการคายประจุไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge – ESD) ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
สรุปโดยท AI
องศาที่แตกต่างกันของการไหลของประจุไฟฟ้าในสนามแม่เหล็กโลก สามารถมีผลต่อการเกิดและการแยกตัวของประจุบวกและประจุลบได้ โดยเฉพาะจากผลของแรงลอเรนซ์และการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่ความต่างศักย์และกระแสไหลวนที่มีผลต่ออุปกรณ์ภายในบ้าน
คำถามที่ 3 ถ้าเป็นประจุบวก ไหลเข้าในตัวบ้าน จะส่งผลต่อสุขภาพ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างไร ?
ถ้าประจุบวกไหลเข้ามาในตัวบ้าน จะส่งผลต่อ สุขภาพของผู้อยู่อาศัย และ เครื่องใช้ไฟฟ้า ในลักษณะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของประจุไฟฟ้าและการกระจายตัวของสนามไฟฟ้าภายในบ้าน
ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
1. ผลต่อระบบประสาทและสมอง
ประจุบวกที่มากเกินไปในอากาศอาจทำให้เกิด ไฟฟ้าสถิตสูง ซึ่งอาจมีผลต่อระบบประสาท
มีการศึกษาที่แสดงว่าประจุบวกในอากาศ อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และสมาธิลดลง
สนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอาจกระตุ้นเซลล์ประสาท ทำให้เกิดความเครียดหรือรบกวนคลื่นสมอง
2. ผลต่อระบบทางเดินหายใจ
ประจุบวกสามารถทำให้ ฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศลอยตัวได้นานขึ้น ส่งผลให้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืดมีอาการรุนแรงขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ประจุลบมักช่วยให้อากาศสดชื่นขึ้น เพราะมันช่วยให้ฝุ่นจับตัวและตกลงพื้นได้เร็วขึ้น
3. ผลต่อสมดุลของร่างกาย
ปกติร่างกายมนุษย์มีสมดุลของประจุบวกและประจุลบในเซลล์ แต่ถ้าถูกล้อมรอบด้วย ประจุบวกมากเกินไป อาจส่งผลให้รู้สึกไม่สบายตัว มีอาการอ่อนล้า หรือแม้แต่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ
ผลกระทบต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า
1. ไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge – ESD)
หากมีประจุบวกสะสมมาก อาจทำให้เกิด การคายประจุไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์
ไฟฟ้าสถิตอาจทำให้วงจรไฟฟ้าเกิดความเสียหาย หรือทำให้ข้อมูลที่บันทึกในอุปกรณ์เสียหาย
2. การเหนี่ยวนำไฟฟ้าในอุปกรณ์
กระแสประจุบวกที่ไหลเข้ามาอาจส่งผลต่อ การทำงานของอุปกรณ์ที่ไวต่อสนามไฟฟ้า เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อน
อาจเกิด สัญญาณรบกวน (Interference) ในระบบไร้สาย เช่น Wi-Fi หรืออุปกรณ์ Bluetooth
3. การเพิ่มโอกาสของไฟกระชาก (Power Surge)
หากประจุบวกที่ไหลเข้ามามีค่าความต่างศักย์สูง อาจทำให้เกิดไฟกระชาก ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเสียหายได้
อุปกรณ์เช่นตู้เย็น คอมพิวเตอร์ และทีวี อาจได้รับผลกระทบโดยเฉพาะถ้าไม่มีระบบป้องกันไฟกระชาก
วิธีลดผลกระทบจากประจุบวกในบ้าน
1. ใช้เครื่องสร้างประจุลบ (Ionizer) – ช่วยปรับสมดุลของประจุในอากาศและลดมลพิษ
2. ปลูกต้นไม้ในบ้าน – ต้นไม้สามารถช่วยปล่อยประจุลบและทำให้อากาศสดชื่นขึ้น
3. ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA – ลดฝุ่นและอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า
4. ติดตั้งระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector) – เพื่อป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประจุสะสม
5. หลีกเลี่ยงการใช้พรมสังเคราะห์และพลาสติกมากเกินไป – วัสดุเหล่านี้สามารถสะสมไฟฟ้าสถิตได้ง่าย
สรุปโดย AI
ผลต่อสุขภาพ: ประจุบวกมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ รบกวนระบบทางเดินหายใจ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
ผลต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า: อาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ส่งผลต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มความเสี่ยงของไฟกระชาก
แนวทางป้องกัน: ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยปล่อยประจุลบ ปลูกต้นไม้ และใช้ระบบป้องกันไฟกระชากเพื่อลดผลกระทบ
จากข้อมูลที่ผมได้ตั้งคำถามกับ AI ถึงได้ผลสรุปดังต่อไปนี้
องศาการไหลเข้าของพลังงานที่มีความแตกต่างกันในแต่ละองศา เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาการไหลเข้าของประจุไฟฟ้าในอากาศ ที่ทำมุมกับแกนองศาแม่เหล็กโลก ดังนั้นในหนึ่งทิศที่มีทั้งหมด 45 องศา จึงมีพลังงานที่แตกต่างกันอยู่ทั้งหมด 45 รูปแบบ และทั้ง 8 ทิศจึงมีพลังงานที่แตกต่างกันอยู่ทั้งหมด 360 องศา
จึงเป็นคำตอบที่หลายๆ ท่านควรนำมาวิเคราะห์ว่า
เมื่อเชิญซินแสมาตรวจสอบบ้านแล้วซินแสไม่เคยวัดองศาตัวอาคาร วัดแค่เพียงว่าบ้านของท่านหันไปทางทิศไหน
ถ้าซินแสที่ถือจานหล่อแกยืนวัดทิศ แต่กลับพูดแต่เรื่องมังกร คำถามคือประจุไฟฟ้าในอากาศ จะทำปฏิกิริยากับ มังกรตัวผู้ มังกรตัวเมีย หัวมังกร ทัองมังกร หรือหางมังกร ใช่หรือไม่
เมื่อท่านเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า พลังงานฮวงจุ้ยที่แท้จริงคืออะไร ท่านก็สามารถปรับพลังงานฮวงจุ้ยบ้านของท่านได้ด้วยตัวท่านเอง หรือนำข้อมูลเชิงลบต่างๆ ในศาสตร์ฮวงจุ้ยที่ทำให้ท่านวิตกกังวลมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับพลังงานฮวงจุ้ยที่แท้จริง แล้วท่านจะได้คลายความวิตกกังวลต่างๆ เพราะฮวงจุ้ยไม่ใช่ความเชื่อ ฮวงจุ้ยคือพลังงานในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ใครๆ ก็สามารถทดลองแล้วจะต้องเห็นผลที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ครับ